ย้อนไปในเดือนธันวาคม 2562 เหตุการณ์ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่าง COVID-19 ที่มหานครอู่ฮั่นได้เปลี่ยนโฉมรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนไปทั้งโลก ซึ่งในขณะที่โรคกำลังระบาดอยู่ในประเทศไทยนั้น เราจะได้ยินคำๆ หนึ่งบ่อยมากคือ “Work From Home” เพราะเพื่อนร่วมงาน ลูกค้าของเราหลายคนติดเชื้อ หรือ ไม่ก็อยู่ในสถาการณ์เสี่ยงติดเชื้อจนต้อง “Keep Distancing” สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ไม่กล้าออกจากบ้านไปเจอผู้คน…เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้เปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานของแต่ละองค์กรไปโดยปริยาย ทุกวันนี้บริษัทต่างๆ จึงมีนโยบาย Hybrid Working Environment ที่เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานได้จากที่ต่างๆ โดยไม่ต้องนั่งอยู่ในสำนักงานตลอดทั้งสัปดาห์ และ “การทำงานที่บ้าน” ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนทำงาน และ ผู้ว่าจ้างเพราะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายหากมีแนวทางการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ
Work From Home คือ การทำงานที่บ้าน หรือ สถานที่ที่เหมาะสม เช่น Co-Working Space หรือ Co-Working Cafe ซึ่งอาจเป็นเรื่องปกติของคนหลายๆ คนที่ทำงานเสริมออนไลน์อยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคย จนอาจเข้าใจผิดไปว่าบริษัทให้หยุดอยู่บ้าน
การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home คือ Full-Time Job ที่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมสถานที่นั่งทำงานจากปกติเราจะนั่งทำงานในสำนักงาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน และ สามารถประสานกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างสะดวก มาเป็นนั่งทำงานที่บ้านแบบเต็มเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงเลิกงาน เราจึงต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับประสิทธิภาพการทำงาน
Work From Home เหมือนกับ Remote Work หรือไม่... หากกล่าวถึง Remote Work นั้น จะใช้กับคนทำงานแบบ Digital Nomads ประเภท Freelance หรือ Outsource ซึ่งมีความยืดหยุ่นในเรื่องสภาพแวดล้อมการทำงานมากกว่า…คุณสามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ และ ไม่จำเป็นต้อง Full-Time Schedule เหมือนกับ Work From Home
ณ ทรีธารา Tweet
เราต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า Work From Home นั้นก็คือ Full-Time Job ที่เปลี่ยนสถานที่นั่งทำงาน ซึ่งทีมงานของเราต้องเข้าใจตรงกันในเรื่องขอบข่ายการทำงาน และ ช่วงเวลางาน
หากเราเป็นหัวหน้าทีม “ประสิทธิภาพการติดต่อสื่อสาร และ การติดตามผลงาน” มีความสำคัญมาก ซึ่งต้องมีเครื่องมือมาสนับสนุน และ ต้องมีพื้นที่ให้กับสมาชิกในทีมได้มีเวลาส่วนตัวเหมือนการทำงานปกติ การส่ง Instant message ไปสั่งงานโดยไม่เช็คเวล่ำเวลานั้น จะสร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงานของคุณได้
ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของคุณนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน เมื่อคุณจะติดตามงานคงไม่สามารถเดินไปหาได้แล้วพูดคุยสนทนาแบบสบสายตากันได้ “เครื่องมือแบ่งงาน และ ติดตามงาน” จะช่วยให้ทีมงานได้เห็นภาพการประสานการทำงานกันได้อย่างชัดเจน
ในช่วงที่บริษัทมีพนักงานทำงานในออฟฟิศจำกัดเพียงบางแผนกที่สำคัญ เช่น ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบัญชีการเงิน หรือ แผนกอื่นๆ นั้นอาจต้องมีแผนรองรับการให้บริการลูกค้าเสมือนช่วงเวลาปกติ การนำระบบสื่อสารออนไลน์ และ เครื่องมือสื่อสารมาสำนักงานมาใช้ อาทิเช่น ระบบตอบรับสายและสนทนาอัตโนมัติ (IVR) จะช่วยให้คุณไม่พลาดการติดต่อจากลูกค้า
หลายบริษัทใช้บริการเช่าพื้นที่สำนักงานในตึกขนาดใหญ่ ซึ่งมีให้บริการเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังจำเป็นเพราะบริษัทตั้งอยู่ในพื้นที่ของตนเอง “ระบบรักษาความปลอดภัย” จะช่วยให้คนทำงานสบายใจในยามที่มีคนประอยู่ในสำนักงานไม่มาก
ในช่วงที่การระบาดของ COVID-19 แพร่ไปทั่วโลกนั้น คนทำงานต้องปรับตัวให้สามารถทำงานที่บ้านได้ ซึ่งแม้สภาพแวดล้อมการทำงานเปลี่ยนไป แต่ผลลัพธ์การทำงานต้องดีเหมือนเดิม หรือ ดีกว่าเดิม คำถามคือ เราต้องเตรียมพร้อมในด้านไหนบ้าง
แม้วันนี้คุณทำงานอยู่บ้าน ช่วงเวลาเข้างาน-ออกงาน และ ขอบข่ายการทำงานยังคงปกติ อย่าให้สิ่งแวดล้อมการทำงานใหม่ๆ มาทำให้คุณส่งงานไม่ทัน หรือ เกิดปัญหาการให้บริการลูกค้า
สภาพแวดล้อมการทำงาน มีผลโดยตรงต่อความคิดสร้างสรรค์ และ พลังเชิงบวกในการทำงาน ในขณะที่คุณทำงานในสำนักงาน เพื่อนร่วมงานมีส่วนช่วยสนันสนุน แต่เมื่อต้องทำงานคนเดียว การได้นั่งทำงานในที่ๆ เราชอบ เช่น ในคาเฟ่สวยๆ น่านั่ง แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม และ มีสถานที่พักผ่อนในระหว่างวัน จะเป็นแรงกระตุ้นให้คุณอยากลุกมาทำงาน
เมื่อสภาพแวดล้อมการทำงานเปลี่ยน สำหรับคุณพ่อคุณแม่อาจต้องอยู่บ้านร่วมกับลูกๆ มีโอกาสทำอาหารทานเอง และดูแลลูกๆ ไปด้วย กิจกรรมเหล่านี้ล้วนมีโอกาสกระทบกับเวลาทำงาน การจัดสรรพื้นที่ส่วนทำงาน กับ กิจกรรมส่วนตัวออกจากกันให้ชัดเจน จะช่วยให้คุณบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น
หัวใจสำคัญของการทำงานนอกสถานที่คือ “การประสานการทำงาน” ต้องไม่สะดุดในช่วงเวลาทำงาน หากคุณเป็นหัวหน้าทีมต้องมอบหมายงาน ต้องมั่นใจว่าทีมงานคุณจะเข้าใจ เห็นภาพเดียวกัน และ สามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ช่วยสนับสนุนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น แพลตฟอร์ม อุปกรณ์ และ สัญญาณอินเทอร์เน็ตต้องพร้อมเสมอ
การทำงานที่บ้าน ก็ต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และ ลูกค้าผ่าน Online Meeting ที่ต้องเปิดกล้องให้เห็นหน้าเห็นตากันในช่วงทำงาน ดังนั้น เสื้อผ้า หน้าผม จึงควรดูดีเหมือนนั่งทำงานในสำนักงานเสมอ
การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home เป็นช่วงเวลาที่จะช่วยให้คุณได้อยู่กับบ้าน ทำอาหารรับประทานเอง และ จะลุกไปหยิบของกินมาทานตอนไหนก็ไม่ต้องเกรงใจใคร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวังเรื่องการกินจุกจิกที่จะเพิ่มน้ำหนักให้คุณได้อย่างรวดเร็ว จึงต้องมีกิจกรรมออกกำลังกายในแต่ละวันเสริมเข้ามา และ เลือกซื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพมารับประทาน
ทริปเดียวเที่ยวคุ้ม – ด้วยที่ตั้งของ ณ ทรีธารา เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง ดำเนินสะดวก และ อัมพวา ใช้เวลาไปท่องเที่ยวแต่ละตลาดน้ำไม่เกิน 15 นาที หากคุณมีเวลาท่องเที่ยวเฉพาะในอัมพวา ก็มีตลาดน้ำให้เลือกเที่ยวในช่วงวันศุกร์ – วันอาทิตย์ ถึง 4 ตลาดน้ำเข้าไปแล้ว อาทิเช่น ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำบางน้อย ตลาดน้ำท่าคา หรือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นต้น…ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้คุณสนุกกับการเดินทางที่ช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก เราไปดูว่ามีตลาดน้ำอะไรให้คุณได้เที่ยวบ้าง
ที่พักวิวแม่น้ำ วิลล่าบ้านเป็นหลัง – ณ ทรีธารา มีตัวเลือกที่พักที่ตอบโจทย์การมา “สัมมนาเชิงท่องเที่ยวที่อัมพวา” ของคุณอย่างแน่นอน เพราะเรามีห้องพัก 42 ห้องบนตัวตึก และ วิลล่าบ้านพักส่วนตัว 18 หลัง ทั้งวิวสระน้ำ และ วิวน้ำแม่กลอง หากเป็นการมาประชุมสัมมนาวันธรรมดา คุณจะมีส่วนลด 10% ทั้งค่าที่พักและ ดินเนอร์ริมน้ำหรูๆ ที่ Mangrove ร้านอาหารและคาเฟ่ริมน้ำ
ที่พักรองรับการทำงาน Work From Home / ประชุมกลุ่มย่อย – ในช่วงวันทำงาน การยกทีมมานั่งทำงานนอกพื้นที่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สร้างแรงจูงใจให้อยากลุกมาทำงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ณ ทรีธารา จึงมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการทำงานไว้สำหรับกลุ่มย่อยๆ ไว้ดังนี้
การเปลี่ยนสถานที่นั่งทำงานที่บ้าน มาเป็นสถานที่ภายนอก ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ดี ธรรมชาติสวยงาม อากาศดี ที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยว เป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กันได้ คุณจะได้ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่มีความสงบ เต็มไปด้วยความสุข